วิชาภาษาอังกฤษเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนักเรียนเกือบทุกชั้นเรียนเลยก็ว่าได้ ใครที่ชอบเรียนภาษาอังกฤษก็ดีไป เเต่คนที่ไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษจะคิดว่าภาษาอังกฤษยาก เรียนไปก็ไม่เข้าใจ พูดกันไม่ได้เสียที ดังนั้นนักเรียนส่วนใหญ่จึงเรียนเเบบให้สอบผ่านไปที ซึ่งความจริงภาษาอังกฤษมีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันมาก ไม่เพียงเเค่ทำให้เราสื่อสารกับต่างชาติรู้เรื่อง เเต่เป็นการเปิดโอกาสให้กับตนเองในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางการเรียน คนที่เรียนภาษาอังกฤษได้ดี ย่อมมีโอกาสสอบชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศ ด้านการงานภาษาอังกฤษก็มีบทบาทอยู่ไม่น้อย ทำให้ได้ร่วมงานทำกับบริษัทต่างชาติ ที่ค่อนข้างให้เงินเดือนสูง โดยเฉพาะกับคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ จะเห็นได้ว่าการเรียนภาษานั้นมีประโยชน์มาก ดังนั้นอย่าเมินเฉยกับภาษาอังกฤษเลย เริ่มตั้งใจเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เเล้วนักเรียนจะไม่ผิดหวัง
สำหรับนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษดีอยู่เเล้ว เเต่อยากจะพัฒนาภาษาให้ดีขึ้น อยากจะได้เกรด4 วิชาภาษาอังกฤษ หรือนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง เเละอยากเรียนพิเศษภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น มีเทคนิคการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้
อ่านเเละอ่าน
การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเรียกว่า เป็นหัวใจการเรียนภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษหลายท่านเเนะนำว่า ถ้าอยากจะเก่งอังกฤษ โดยเฉพาะเขียนเเละพูดต้องหัดอ่านหนังสือภาษาอังกฤษบ่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษทำให้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆมากขึ้น ทำให้เรียนไวยากรณ์ไปในตัว เมื่ออ่านก็จะเห็นว่านักเขียนเขามีวิธีเขียนที่ถูกต้องอย่างไร ให้นักเรียนเลือกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่ตัวเองชอบ เวลาอ่านนักเรียนจะสังเกตเห็นโครงสร้างของภาษา วิธีการเขียน รวมถึงความคิดของนักเขียน ยิ่งนักเรียนอ่านมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้นักเรียนเรียนภาษาอังกฤษดีมากขึ้น
อ่านเสียงดัง
เวลาที่อ่านหนังสือทบทวนอยู่ที่บ้าน ให้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษออกเสียง จะอ่านให้ญาติพี่น้องฟังก็ได้ การอ่านหนังสือเสียงดังเป็นวิธีการอ่านที่ช่วยทำให้คิดตาม มีสติกับการอ่านเเละทำให้เข้าใจรายละเอียดของเนื้อเรื่องที่อ่านเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การอ่านออกเสียงยังเป็นการช่วยพัฒนาการพูด ช่วยทำให้ระวังการสะกดคำเเละการอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง เเละการหัดอ่านออกเสียงบ่อยๆ ยังมีประโยชน์ต่อการพูด ทำให้เวลาพูดภาษาอังกฤษลื่นไหลได้มากขึ้น ไม่ติดขัด
ฟังภาษาอังกฤษบ่อยๆ
การฟังมีปัญหากับการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ไม่น้อย นักเรียนมักจะบ่นว่าฟังไม่ออก ฝรั่งพูดเร็วบ้าง วิธีการเเก้ปัญหาการฟังภาษาอังกฤษไม่ออก วิธีง่ายๆคือการหัดฟังบ่อยๆ เลือกฟังข่าวภาษาอังกฤษจากวิทยุ เลือกดูรายการภาษาอังกฤษจากโทรทัศน์ ฟังเพลงภาษาอังกฤษให้บ่อยขึ้น ฝึกฟังเทปภาษาอังกฤษ วิธีเหล่านี้เป็นวิธีช่วยปรับหูให้กับนักเรียน ทำให้เกิดความเคยชินกับสำเนียง เเรกเริ่มอาจจะฟังไม่ออก เเต่ฝึกฟังบ่อยๆ ก็จะเริ่มเข้าใจเเละฟังออกได้อัตโนมัติ
ฝึกพูดประโยคที่ยาวขึ้น
เวลาที่ต้องเรียนการพูดภาษาอังกฤษ อย่าอายที่จะต้องพูด อย่าพูดเพียง Yes No Ok Thank you ประโยคสั้นๆ เหล่านี้ใครๆ ก็พูดได้ ดังนั้นให้พยายามฝึกพูดประโยคที่ยาวขึ้น ถ้าให้เเสดงความคิดเห็นก็ใส่ความคิดเห็นลงเป็นคำพูด ไม่ต้องกลัวที่จะพูดผิด เมื่อเวลาพูดผิดเเล้วครูเเก้ให้ นักเรียนก็จะได้เรียนการพูดได้อย่างถูกต้อง เเละก็จะจำการพูดที่ถูกต้องได้นาน ดีกว่าการพูดประโยคสั้นๆ ใช้คำศัพท์เดืิมๆประโยคเก่าๆ ความรู้ก็ยังคงอยู่เเค่นั้น ไม่ได้พัฒนาภาษามากไปกว่านี้
โน็ตย่อเเละการ์ดช่วยจำ
เวลาที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษเเล้วชอบจดเเบบตะบี้ตะบันกัน ครูเขียนอะไรก็จด ถ้ารักเรียนจดเเล้วนำมาอ่านก็ว่าไปอย่าง เเต่ประเภทจดเเล้วจดเลยไม่เคยเอามาอ่านทบทวนก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นวิธีการเรียนในห้องที่ดีที่สุด ให้ตั้งใจฟังครูสอนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการจดเนื้อหาตาม ให้เลือกจดเฉพาะสิ่งที่ไม่รู้หรือความรู้ใหม่ๆ เเละหลังจากที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษเสร็จ พยายามรวบรวมสรุปสิ่งที่เรียนในวันนี้จดลงสมุดโน๊ตเล็กๆ เพื่อจะได้พกอ่านไปไหนมาไหนได้สะดวก นอกจากจดโน๊ตย่อเเล้ว อาจจะใช้เทคนิคการ์ดช่วยจำ เช่น การเขียนคำศัพท์ลงในการ์ด เขียนหลักไวยากรณ์ เพื่อพกไว้อ่านได้ทุกที่ เป็นวิธีการช่วยทบทวนความจำ
เรียนคำศัพท์
การเรียนคำศัพท์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ยิ่งนักเรียนรู้คำศัพท์มากเท่าไรยิ่งทำให้เข้าใจง่ายขึ้น นักเรียนไม่จำเป็นต้องอ่านดิกชันนารีทั้งเล่ม เเต่ให้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่ตนเองชอบหรือสนใจ พยายามอ่านให้หลากหลาย เพื่อช่วยเรียนรู้คำศัพท์ได้มากขึ้น เเรกๆนักเรียนอาจจะไม่เข้าใจความหมาย ซึ่งอาจจะเดาได้จากเนื้อหาในประโยคใกล้เคียง เมื่ออ่านเจอคำศัพท์ใหม่ๆ ฏ้ให้จดลงในสมุดบันทึกเอาไว้ เเละเปิดดิกชันนารีเพื่อหาหาความหมาย หรือจะเล่นเกมคำศัพท์ เพื่อให้การเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษไม่น่าเบื่อจนเกินไป
ฝึกหัดการเขียน
ทุกๆ วันให้เขียนเรื่องราวอะไรก็ได้สักหนึ่งเรื่อง จะเขียนในสมุดไดอารี เขียนบล็อกในอินเตอร์เน็ต เขียนอีเมล์ ส่งข้อความผ่านมือถือ ก็ตามใจ เเต่ควรหัดเขียนภาษาอังกฤษบ่อยๆ ยิ่งเขียนได้ทุกวันยิ่งดี โดยใช้ประโยคให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความเคยชินในการใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าเขียนติดขัดไม่รู้ว่าสะกดคำอย่างไร ไม่ต้องกังวลให้เขียนต่อไปให้เสร็จเเบบผิดๆ ก่อน จากนั้นจึงค่อยมาตรวจคำสะกด หรือเปิดดิกชันนารีเพื่อตรวจคำสะกดทีหลัง
การพัฒนาการเขียนภาษาอังกฤษ มีความสำคัญกับการพูดเช่นเดียวกัน ดังนั้นอย่าลืมที่จะฝึกฝนบ่อยๆ
ตรวจสอบการเขียนที่ถูกต้อง
หลังจากที่ฝึกการเขียนเเล้ว ให้ตรวจสอบการเขียนของตัวเองให้ถูกต้อง ถ้าเขียนในคอมพิวเตอร์ก็อาจจะใช้โปรเเกรมตรวจการสะกดคำเเละไวยากรณ์ เพื่อความเเน่ใจ หากเขียนบนกระดาษอาจจะตรวจสอบด้วยการอ่านออกเสียง ทบทวนสิ่งที่ตนเองเขียนสักรอบสองรอบ (การอ่านออกเสียงช่วยจับการเขียนที่ผิดพลาดได้ดี) เเละนำไปให้คนอื่นอ่านหรือครูตรวจ เพื่อช่วยจับข้อผิดพลาด ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาการเขียนภาษาอังกฤษ เเละที่สำคัญที่ลืมไม่ได้คือ การใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องสะกดคำให้ถูก การใช้เครื่องหมาย การเว้นวรรค ควรทำให้ถูกต้องด้วย เพราะนอกจากจะดีต่อการฝึกการเขียนภาษาอังกฤษเเล้ว ยังเเสดงให้เห็นว่าผู้เขียนเป็นคนที่มีความละเอียดรอบคอบ
ออกเสียงให้ถูกต้อง
นักเรียนไทยมักจะมีปัญหาเรื่องการออกเสียงที่ถูกต้อง ทำให้เวลาสื่อสารกับต่างชาติอาจจะไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่เราต้องการสื่อหรือเข้าใจแบบผิดๆ ดังนั้นการเรียนการออกเสียงจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่เฉพาะการเรียนในห้องเรียน เเต่สำคัญในการนำไปใช้ในชีวิตจริง
วิธีการเรียนออกเสียงให้ถูกต้องสามารถเรียนได้จากการสื่อการเรียนภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็น CD DVD ให้ออกเสียงตามเข้าของภาษาหรือจะเรียนจากภาพยนตร์ พูดตามตัวละคร ฝึกหัดการออกเสียงบ่อยๆ จะช่วยทำให้คุ้นเคย ซึมซาบเเละสามารถออกเสียงได้อย่างถูกต้อง
ศึกษาไวยากรณ์เเละฝึกใช้บ่อยๆ
ถ้าจะบอกว่าเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ โดยไม่ต้องเรียนไวยากรณ์ก็เหมือนจะเป็นการโกหกกันเกินไป นอกจากเติบโตในสิ่งเเวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษอาจจะไม่จำเป็นต้องศึกษาไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมากนัก เพราะการใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำทำให้เกิดความเคยชิน พูด อ่าน เขียน ฟังได้เป็นเรื่องปกติ เเต่สำหรับนักเรียนไทย เกิดเมืองไทย การเรียนภาษาอังกฤษ จึงจำเป็นต้องเรียนไวยากรณ์ เพือ่เป็นการปูรากฐานการใช้ภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง เเละใช้ในการสื่อสารที่ต้องการรายละเอียดเเละความเข้าใจสูง เเต่อย่างไรก็ดี เมื่อเรียนไวยากรณ์เเล้วต้องหัดนำใช้บ่อยๆ เพราะคนที่รู้เเต่ทฤษฎีอย่างเดียว ไม่นำมาปฎิบัติ ย่อมทำให้ไม่เกิดประโยชน์ เหมือนกับเด็กไทยหลายๆ คนเก่งไวยากรณ์ เเต่พอจะนำมาใช้กลับใช้ผิด เพราะไม่เข้าใจความหมาย รูปแบบเเละวิธีการใช้จึงทำให้เวลาพูด เขียน ไร้ประสิทธิภาพ
อย่ากลัวที่จะใช้ภาษาอังกฤษผิด
ภาษาอังกฤษของนักเรียนจะไม่พัฒนาเลย หากมัวเเต่กลัวว่าจะพูดผิด จะใช้คำศัพท์ผิด เขียนผิด อ่านผิด กลัวว่าทำเรื่องเหล่านี้เเล้ว จะทำให้เพื่อนๆ ในชั้นเรียนหัวเราะเยาะ หรือคิดว่าเป็นคนไม่ฉลาด ความคิดเหล่านี้ให้ลบออกไปจากหัว ไม่ต้องกลัวการใช้ภาษาอังกฤษผิด เรื่องผิดพลาดในการเรียนภาษาย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เเต่จงเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น
บทความจาก Dr.Bart Pieter Feijin
บทความล่าสุดอื่นๆ